การออกแบบให้มีน้ำหนักเบา: น้ำหนักของหูฟังควรเบาที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพื่อลดแรงกดบนศีรษะและหู และหลีกเลี่ยงความเมื่อยล้าที่เกิดจากการสวมใส่ในระยะยาว
วัสดุระบายอากาศ: การใช้วัสดุระบายอากาศ เช่น ผ้าตาข่ายหรือโฟมระบายอากาศ สามารถช่วยลดเหงื่อออกในหูและไม่สบายได้
ที่คาดผมแบบปรับได้: หูฟังควรติดตั้งที่คาดผมแบบปรับได้เพื่อรองรับรูปทรงศีรษะที่แตกต่างกันและรับประกันการสวมใส่ที่มั่นคง
แผ่นรองหูฟังแบบนุ่ม: แผ่นรองหูฟังควรนุ่มและมีไส้เพียงพอเพื่อให้การปิดผนึกและการกันกระแทกที่ดี ลดเสียงรบกวนจากภายนอก และหลีกเลี่ยงการบีบรัดที่หู
การออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์: รูปทรงของหูฟังควรเป็นไปตามหลักการยศาสตร์ พอดีกับรูปทรงตามธรรมชาติของหู และมอบประสบการณ์การสวมใส่ที่ดีขึ้น
การออกแบบแบบหมุนหรือพับได้: หูฟังบางรุ่นอนุญาตให้ที่ครอบหูหมุนหรือพับได้ ซึ่งไม่เพียงอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บ แต่ยังสามารถปรับแบบละเอียดตามความสะดวกสบายส่วนบุคคลได้
การเชื่อมต่อไร้สาย: หูฟังไร้สายขจัดข้อจำกัดของสายเคเบิล ลดการรบกวนและความรู้สึกไม่สบายระหว่างการปั่นจักรยาน
การออกแบบป้องกันเหงื่อและกันฝน: หูฟังควรมีประสิทธิภาพการกันน้ำในระดับหนึ่งเพื่อต้านทานเหงื่อและฝน และยืดอายุการใช้งาน
การแยกเสียงรบกวน: การแยกเสียงรบกวนแบบพาสซีฟที่ดีสามารถลดการรบกวนของเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อม ให้คุณภาพเสียงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และหลีกเลี่ยงการเพิ่มระดับเสียงโดยไม่รู้ตัว
ส่วนควบคุมที่ใช้งานง่าย: ปุ่มควบคุมหรืออินเทอร์เฟซแบบสัมผัสของหูฟังควรใช้งานง่าย ช่วยให้สามารถปรับระดับเสียงหรือสลับเพลงได้ง่ายแม้ในขณะขับขี่
แผ่นรองหูฟังแบบถอดได้: หูฟังบางรุ่นอนุญาตให้ผู้ใช้เปลี่ยนแผ่นรองหูฟังได้ ทำให้สามารถเลือกประเภทแผ่นรองหูฟังได้ตามความต้องการและความสะดวกสบายส่วนบุคคล
เหมาะสำหรับการสวมหมวกกันน็อค: หากหูฟังได้รับการออกแบบให้ใช้กับหมวกกันน็อค ควรเข้ากันได้กับหมวกกันน็อค และไม่รบกวนการทำงานปกติ
การปรับแต่งส่วนบุคคล: หูฟังระดับไฮเอนด์บางรุ่นมีบริการปรับแต่งเอง ซึ่งสามารถปรับแต่งแผ่นรองหูฟังหรือที่อุดหูตามรูปทรงหูแต่ละข้าง มอบความสบายและการปิดผนึกที่ดีที่สุด